พบรักธารน้ำตก - นิยาย พบรักธารน้ำตก : Dek-D.com - Writer
×

    พบรักธารน้ำตก

    บัณฑิตหนุ่มจากรั้วมหาลัยชื่อดัง เสรีภาพทุกตารางนิ้ว บัณฑิตอาสาสมัคร รุ่นบุกเบิก ของอธิการบดี ที่มีรูปั้นกลางลานโพธิ์ ที่ทุกคนรักคิดถึง ติดตามดู ความรักสาวชาวดอยกัน เชิญ...

    ผู้เข้าชมรวม

    193

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    193

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    จำนวนตอน :  0 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  6 มิ.ย. 66 / 08:09 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    น้ำตกจากผาไหลลงสู่ที่ต่ำ  กระทบก้อนหิน เสียงดังซัดซ่า… ฟองน้ำแตกกระจาย ละอองน้ำลอยผ่านตามแรงลม อุณหภูมิต่ำทำให้คลายร้อนผืนดินอุ้มน้ำ หล่อเลี้ยงทุกชีวิตแต่อนิจจา……

    บัณฑิตหนุ่มสละความสุข ที่โลดแล่นในเมืองหลวง ตั้งแต่เกิดจนถึงวัยศึกษาเข้าสู่ปีสุดท้าย ในนามปัญญาชน ทิ้งทุกอย่างไว้ด้านหลัง มุ่งสู่ชนบทที่กันดารที่สุด  เทือกเขารอยต่อสามจังหวัด  ขุนเขาสูงตระหง่านจิตใจไม่เคยย่อท้อ  วันแล้ววันเล่าซึมซับกลิ่นอายชนบทท่ามกลางสายลมพัดโชยตลอดเวลา  ดนตรีขับกล่อมชวนเพลินที่สุด คือ เสียงเสียดสีของใบไม้  กลมกลืนกับเสียงน้ำตกตาดฟ้า กระทบก้อนหินซัดซ่า …ก้องหู  เสียงหวีดของลมบน กลมกลืนดัง

    โน๊ตดนตรีให้จังหวะ ลานหินกลางลำธาร  นกน้อยใหญ่โชว์ลีลาเริงระบำ  นำสู่จิตสงบ

    “ ครู … นั่งอยู่คนเดียวไม่เหงาหรือจ๊ะ ” ส่งรอยยิ้มสาวไพรให้ใจมันฟู

    ซิวหันมามองตามเสียงนั้น ใจสั่นไม่เคยได้ยินวจีที่รื่นหู

    “ ขอเป็นเพื่อนคุยคงไม่ทำให้ใจหมอง ”

    “ เชิญน้องจอมใจ ด้วยจิตคารวะครับผม ”

    ซิวปรับจิตรองรับมิตรภาพที่ …ที่หายากยิ่ง

    “ ครู ไม่เคยสนใจใครนอกจากนักเรียน ชาวดอยมานานเกือบปีแล้วนะ  จอมรู้ว่าเหงาไม่กวนใจเจ้าหรอกจ้า ” ถ้อยคำหวานแผ่วเบาตามจริตหญิงชาวเขา 

    “ จอมมาจากหาของป่า พบโดยบังเอิน  ลบกวน ผิดใจ ขอโทษด้วย สงสารที่มาอยู่บนภูเขาคงลำบาก ”

    “ ต้องทนครับ สมัครใจมา  ไม่ทราบว่าตาดฟ้าอยู่บนเขา ชื่อดีคิดว่าอยู่พื้นที่ราบ”

    “ ชื่อเพราะคะแต่แหลมคมทุกคนที่ขึ้นมาไม่อยากจะลงจากเขา”

    “ เหตุผลอากาสดี มีน้ำตก นกหนาแน่นหายากแต่แฟนจ้า”  สาวเจ้าพูดแล้วแต่เอียงอาย " 

    ชำเรืองดูการตอบรับ กำลังออกรส เสียงเรียกหาเข้ามาใกล้….

    “ ผี้ง ” ..เสียงประสานพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย หัวเราะ ชวนฟัง สองสาวกอดกันดีใจ

    “ แบ่งปันคงดีนะครับ”  อารมณ์คนกรุง จอมใจแอ่นอกใส่  ผึ้ง สบตาหวานตามมายาหญิง

    “ หนึ่งชายสองหญิงผิดตำรา”

    “ ก็เลือกเอาซิจ๊ะ ” ซิวรับมุขไม่ทัน

    “ มิบังอาจ”

    “ ถ้าหากโลกนี้แตก ให้เลือกหญิงสองคนจะเลือกใคร? ” ผึ้งเข้าแทรก 

    “ พูดโดยไม่คิด ขอทั้งสองคนครับ” ซิวฝ่าด่านออกได้ “ ลงเล่นน้ำกันเถอะครู ตะวันลับไปจะหนาวไม่ได้อาบน้ำกัน”

    “ ไม่เอาอายสาว”…

    “ กลัวทำไม? ไม่กอดหรอกค่ะ”

    สาวเจ้าในชุดผ้าถุงนุ่งกระโจมอก  ผิวเนียน ขาวเหมือนปุยยุ่น ทั้งร่าง นิ้วเรียวงาม ผมยาวปลิวตามแรงเหวี่ยงเมื่อแหวกว่ายคงต้องการให้พบเจอ เรือนกายสาวไพร ไม่แพ้สาวกรุงเทพฯ ซิวไม่กล้ามองใช้มือปิดหน้า นั่งสมาธิคอย หลับตาเหมือนฤษี  บำเพ็ญเพียร

    “ ครู ”…ผึ้งกระตุกแขน

    “ ครู หยอกเล่นหรอกน่า อย่าเป็นจริง ”

    “ คืนนี้ ครูพราน ขอให้ไปทำกับข้าวกินกันที่บ้าน”

    ซิวถอนใจเหงื่อตกไม่ทันมุขสองสาว ทั้สามเดินทางกลับ….

    ถึงจุดชมวิว ดูพระอาทิตย์ตกดิน สองสาวจูงมือครูไปที่ลานหิน

    “ เงาะมาตั้งแต่เมื่อไร?” สองสาวดีใจที่พบเพื่อนร่วมงานเยาวชนอีกคน  เคยเรียนชั้นมัธยมที่โรงเรียนหล่มสัก มาแล้วจนจบสามสาวหนึ่งหนุ่มเกาะกลุ่มตามทางรอยเท้าคน เดินป่าลัดเลาะ ตามริมฝั่งธารน้ำตก  ฝูงนกไพร เล่นอาบน้ำ

    ตามลานหินบินอวดโฉมเคียงคู่ สบัดปีกไซ้ขนให้กัน

    “ ครู..ดูนกมันซี  ยังหาคู่คูรัก ทำไม? ไม่หาหละคะ” ผึ้งสวมวิญญาณหยอกครู ซิว ม้วนอายสามสาวฟาดลวดลายเหนือชั้น……

    “ อย่าทะเล้นเจ้าจอมแก่น”ผึ้งห่วงซิวจะเขินอาย

    “ อาหารเย็นนี้  ต้องการเมนูอะไร? จ๊ะ” จอมเอ่ยคำ

    " อะไร ก็ได้ ครับขอเป็นฝีมือสามสาวจะกินไม่ให้เหลือแม้แต่ถ้วยชาม

    “ ลีลาไม่เบานะครู” ผึ้งให้กำลังใจ

    “ พวกเราขอเป็นเพื่อนใจ เป็นน้องสาวก็พอ ไม่บังอาจเอื้อมหรอกจ้า”

    “ รู้ตัวดีหยิกแกมหยอกเอง”….ซิวหน้าแดงเมื่อสามสาวรุมหนึ่ง  แรงปะทะเป็นรองอยู่แล้ว สามสาวถึงบ้านครู….

    " กลุ่มเยาวชน รอครบทีม  มีอะไร? หรือพ่อ "

    ผึ้งถามครูพราน หารู้ไม่ว่าเป็นแผนรักษาความปลอดภัย ให้ครู ซิว  ในการเข้าใจผิดจากชาวดอย

    สักพักมือร้อยศพ แบกถุงปุ๋ยมาทิ้งลงให้ ภายในนกทุกชนิดวางเรียงราย  ชาวเยาวชนช่วยกันจัดการถอนขนตามความชำนาญ ผ่านการย่างไฟกลิ่นหอมชวนชิม 

    อาหารเย็นเริ่มขึ้น มี อุ สาโท ย้อมใจในการเจริญอาหาร สักพักแม่บ้านครูพรานนำขันดอกไม้ พร้อมฝ้ายผูกข้อมือมาให้…

    “ ขอโทษนะลูกหลาน วันนี้พ่อครูจะพาทำพิธีผูกแขนให้ครูซิว  ขอเป็นพี่เป็นน้องรักกัน  เสมือนออกมาจากท้องเดียวกัน  เราจะมีพี่ชายที่น่ารักจากกรุงเทพฯ  คอยช่วยเหลืออำนวยความสะดวก  ขอให้ทุกคนทำจิตให้เป็นกุศล อำนวยพรซึ่งกันและกัน ดำเนินการได้”

    " ศรี ศรี สิทธิพระพร ……..ว่า มาเย้อ ขัวญเอ้ย ……อายุ วัณโณ สุขัง พลัง ( สำนวนอีสาน )

    สิ้นสุดเนื้อหานำพร ผ่านฝ้ายผูกแขนครู ซิว  พรที่ให้เป็นความรู้สึกดีของชาวไพร น้ำตา ซิว เอ่อออกมาโดยมีสามสาวคอยเช็ดน้ำตา 

    “ ขอขอบคุณ จอม  ผึ้ง  เงาะ หัวหน้าเยาวชน  ที่ให้กำลังใจ  ดูแล ความเป็นกันเองมาตลอด  ครึ่งปีแล้วขอหลั่งน้ำตาให้ความจงรักภ้กดี  เสมอต้นเสมอปลาย  ขอฝากชีวิตไว้ในอ้อมอกด้วย ต่อไปนี้ กำลังใจในการสอนเด็ก คงไม่เหงาอีก ”  เสียง ซิว สั่นเครือ สัมผัสได้ 

    “ นึกว่าจะเอาพวกหนูเป็นแฟน ฝังใจมานาน ” เงาะสวนกลับสร้างอารมณ์ร่วมในพิธีการ  เป็นมรดกอีสานที่ครูพรานถ่ายทอด 

    “ เอาหละ วันหยุดยาว จะพาไปเที่ยงกรุงฯกัน ขอให้ทุกคนรักกัน ปกป้องตาดฟ้าต่อไป ”

    “ อยากรู้เหลือเกินคนที่ครูจะเลือกมีคุณสมบัติใด ” จอมใจเอ่ยคำถาม

     “ ก็ สวยก๋ากั่นเหมือนฉันนี่แหละ ”

    “ ไม่หรอกต้องเหมือนฉัน” เงาะกับผึ้งสร้างรอยยิ้มในการสนทนา 

    “ คืนนี้เรานอนรวมกลุ่มทดสอบคำสัญญา ”

    ผึ้งวางก้อนหินขวางทาง หนุ่ม หนุ่ม ที่ฉวยโอกาสแต๊ะอั๋ง  …

    เที่ยงคืน เขยครูพรานแบก เก้ง มาจากการดักยิง  ที่ต้นมะขามป้อม สมุนไพร ที่มีคุณสมบัติมากมาย  ทิ้งลงข้างกองไฟ  หนุ่มสาวมีงานทำต่อ …..

    “ พวกเราจัดทำ  แหนม เนื้อตากแห้ง เป็นของฝากคุณพ่อครู เนื้อ นก ย่าง น้ำผึ้งป่า ติดรถไปคารวะท่าน”  

    “ ขอบคุณครับ  พ่อคงดีใจ ได้ของฝากที่ไม่เคยพบ”

    กว่าทุกอย่างจะสำเร็จ ก็เกือบรุ่งสาง ธรรมชาติชาวไพรเค้าใจสู้ 

    วันหยุดยาวติดต่อกัน  ครูพรานนำเยาวชนสาวเข้ากรุงฯตามสัญญาใจ บัณฑิตหนุ่มนำคณะเข้าบ้านพัก 

    “ สวัสดีค่ะ ” สามสาวแนะนำตัว

    “ ผมครูพราน ที่ดูแลครูซิวครับ นำเด็กมาชมกรุงเทพฯกัน เขาเรียนรู้ ผ่านวิชาสังคม นำเขาชมความเป็นจริง”

    “ ยินดีครับ  ซิวส่งข้อมูลมาทางจดหมายเล่าเรื่องราวของท่านทราบแล้ว ”

    “ รวย นะคะ น่าเป็น….” เงาะจอมแก่นเหมือนเดิม …555 

    “ ชอบ ชอบ จริงใจดีนะลูก ” ชายสูงวัยตอบรับความทะเล้นสาวชาวไพร พักผ่อนกันเดินทางเหนื่อย

    หลังสามสาวเข้าพัก  ผู้ใหญ่เสวนากันเหตุการณ์ บ้านเมือง  การทำมาหากิน ถึงทราบว่าครู ซิว มีฐานะดีมาก  มีกิจการ ถือหุ้นส่วนบริษัทหลายที่  สามารถมีตำแหน่งงานให้สามสาวได้สบาย….

    เช้าวันใหม่ สาวเจ้าตื่นนอนเสร็จกิจ ส่วนตัวเข้าไปอ้อนขอ ให้ครูนำเที่ยวจากคุณพ่อ 

    “ คุณพ่อ ขอครูพาพาชมกรุงฯนะคะ”

    “ เป็นแผนพ่อ อยู่ในใจแล้วลูก พากันดูแลเป็นเพื่อนซิว เก็บเกี่ยวความสุขตามสบาย อยากไปที่ไหน? บอกครูเขานะลูก ”

    ฝ่ามือลูบหัวทุกคน ด้วยความเอนดู สายตาส่งพลังงานบวกตลอด 

    “ ซิว จะพาน้องไปเที่ยวที่ไหน? ตามสบายนะลูก  พ่อครูจะไปเที่ยวกับเด็ก ..? ”

    “ ไม่หรอกครับ ผมมาบ่อยปล่อยเขาไปอิสระเสรี”

    “ ดีครับอยากฟังเรื่องราวบนภูเขา ”

    ซิว นำท่องกรุงฯด้วยรถส่วนตัว ไปแห่งแรกที่วัดพระแก้ว สามสาวขอไว้ ศรัทธามาตลอด 

    “ อยากไปวัดทำไม? ” ซิว ถามหยั่งเชิง

    “ เข้าวัดก็ขอพรแหละครู” ผึ้งสวนขึ้น 

    “ ไปวัดได้บุญ ” เงาะเสริม

    “ ไปที่อื่นหละ ” จอมเอ่ยบ้าง

    “ ก็ เสียตัวซิจ๊ะ เราเคยฟังเพลงสาวบ้านามิใช่หรือ ” จอม เจ้าหลักการ งัดไม้เด็ด  

    ซิว นำรถไปจอดไว้ที่จอด นำสามสาวเข้าสู่ประตูวัด พื้นที่เป็นศูนย์รวมพลังงานบวก ที่ พรหมสี่หน้าองค์มีพลานุภาพสูง  สถิตย์จิตสงบเยือกเย็น  คนทุกเชื้อชาติ หมุนเวียนชมความสวยงามตามที่ติดตามทางทีวี  ซิว นำเข้าขอพร สามสาวนั่งที่มุมสมควร  กราบพระด้วยจิตเคารพ คนดอยเขาชอบทำทานทำบุญ วันพระจะหยุด ทุกอย่าง การงาน เจริญภาวนา ฝึกจิต จนเป็นวัฒนธรรมสืบสานกันมา  สามสาวนั่งสมาธิสงบนิ่ง สายตาของคนต่างชาติ  มองดูสาวชาวดอย วัยแรกแย้มทำไม? น่ารักแต่งกายเรียบร้อยตามวัยสวยธรรมชาติ ไม่เติมแต่งใด ๆ เป็นธรรมชาติ ซิวเองชื่นชมอยู่ห่าง ๆ สาวเจ้าอิ่มเอม กับสมาธิจิตสงบ ก้มลงกราบแล้วออกจากประตูอุโบสถ  เดินชมจนอิ่มใจ ถอนตัวออกจากประตู พบทหารยืนที่ซุ้ม นิ่งเสมือนหุ่น สาวเจ้าจ้องมอง

    “ ยิ้มซิจ๊ะ น่ารักออกยืนเป็นหุ่นอยู่ได้ ”  ผึ้งยังทะเล้นเก็บอาการไม่อยู่ 

    “ บ้า.. พึ่งออกจากวัด ” เงาะสวนกับ

    “ เออ น่า … ไปต่อ ครูทำหน้าที่”

    อยากไปไหน? ครู ซิว ตามใจน้องสาวทดแทนจิตที่งดงามของสาวดอย เวลาแต่ละชั่วโมงรวดเร็ว เย็นแล้ว ผ่านโรงแรมห้าดาว 

    “ ครู ครู พาเข้าไปหน่อย ” กัดฟันพูดของเจ้าผึ้ง 

    “ สนับสนุน ” เงาะฟันธง

    “ 555  ” กลุ่มสัมพันธ์ บนรถ กลับเข้าบ้านปลอดภัย

    “ขอพรอะไร?ลูก ”  พ่อซิวถาม

    “ หนูขอให้ชีวิตนี้พบแต่ความดีงามพ่อ ” วจีเงาะ 

    “ หนูขอให้ตาดฟ้า มีแต่คนดี มีน้ำใจตลอดไป”

    ผึ้งมองตาพ่อ 

    “หนูขอให้พบคนดีอย่างครู ซิว จ้า ”

    รอยยิ้ม ของสองพ่อ  อิ่มใจกับความรู้สึกดี ของลูก  เพื่อน ซิว พึงพอใจ

    “ขากลับ ซิว จัด ของฝากให้น้องเต็มที่ น้องขาดอะไร? จัดให้นะลูก ”

    ก่อนกลับดอย ซิว นำน้องเที่ยวห้างดัง เสื้อผ้าสวยตามใจชอบมอบให้เป็นของขัวญ ของที่ระลึก ให้สามสาว

    คืนวันผ่านไป การเดินทางกลับ รถบริษัท  ซิว ทำหน้าที่ยานพาหนะ 

    “ เงาะ เราฝันเห็น ฤษีที่ถ้ำเหนือน้ำตก ทั้งสองคืน ” จอมเอื้อนเอ่ย 

    “เช่นกันเพื่อน ” เงาะเอาบ้าง

    “ ฉันก็เหมือนกัน” ผึ้งเสริม มองหน้ากันไปมา

    “ ท่านคงไม่ไว้ใจครูกระมัง ” ครูซิวร่วมวงสนทนา 

    “ ครูคะ .. ครบสองปี ครูกลับ ขอทำงานที่บริษัทได้นะคะ”

    “ ยินดีครับ ยินดี จะได้หายคิดถึงน้อง ๆ ไง ครับ"

    “ ไม่อยากเจองานแต่ง ” จอมเอาบ้าง

    “ ก็ดี ซิจ๊ะ จะได้เจอให้รู้แล้วรู้รอด " ผึ้งนำเสนอ 

    “ นั่นไงเราว่าแล้ว” เงาะรำพันเบา ๆ 

    “ เอาไว้ถึงวันนั้นก่อนน้องค่อยว่ากัน ” ซิว ตัดบท 

    “ เตรียมเอาแรงไว้ขึ้นเขาดีกว่า ” ซิว หนีจากบทสนทนา รถส่งถึงชายภูเขา ขอตัวกลับกรุงเทพฯ 

    ปีนเขาอีกครั้ง  “ เสียงจั๊กจั่นเรไร เสียงนกทักทาย ชนีโหย ลิงกระโดด ไม่อยู่ในอารมณ์ เพื่อน ”

    ผึ้งชวนสนทนาต่อ 

    “ ทำไม? ” เงาะเอะใจ 

    “ คิดถึงกรุงเทพฯยังเที่ยวไม่อิ่มเลย ” ผึ้งตัดพ้อ 

    “ เอาไว้โอกาสหน้า ” ครูพรานสำทับ

    ถึงบ้านสามสาวมีของฝากให้พ่อแม่ทุกคน สารข้อมูลครู ซิว ถูกถ่ายทอด จากหัวหน้าเยาวชน ทุกคนรับทราบ ยิ่งเพิ่มความรักความไว้วางใจให้ชาวดอย ส่งอาหารการกินไม่ขาด  กำลังใจทำให้ครู ซิว ยืนหยัดอยู่ได้ ด้วยอานุภาพแห่งความรัก 

    วันพระใหญ่มาถึง สามสาวชวนครูไปทำบุญ ที่ถ้ำฤษี  มีพระมาปักกดอยู่ เตรียมอาหารคาวหวานเดินทางสู่ถ้ำ  พอถึงตกตะลึง พระที่ผู้เขียนเคยพบบนภูหลวงนั่นเอง ก้มลงกราบ

    “ หมอมาที่นี่ ”

    “ นำยารักษาหายขาดมาให้ผู้ป่วยครับ ”

    “ เป็นไงไปเที่ยวกรุงเทพฯ โยม ”

    “ ดีไปอย่าง แต่มันน่ากลัวสิ่งบำเรอมีมาก ทำให้หลงได้ ” จอมแน่วแน่สนทนา

    “ ไม่เป็นไร สำคัญที่จิต มันร่องลอยไปก็มาที่ลมหายใจ ดังที่เคยปฏิบัติ”

    สนทนาธรรม ออกรส ตามลำดับ จอมใจเหงาเก็บซ่อนไว้ไม่มิด  เงาะรอจับผิดอยู่แล้ว …

    “ แกคิดอะไร อยู่จอม ”

    “ คิดถึงแรงอธิษฐาน ”

    “ ว่าไง?  โยม ” พระขอความเห็น

    “ อยากหนีความวุ่นวายค่ะ หนุ่ม ๆ ชาวบ้านชวนพูดชวนคุย  จีบโน่นนี่นั่น รำคาญ แต่ต้องทน กลัวภัยมืด ”

    “ ลูกอย่าให้ท้ายเขาซี ” พระท่านบอกทาง

    “ ตั้งแต่ครู ซิว เข้ามา พ่อครูพรานผูกข้อต่อแขนให้เป็นพี่น้องกันเบาบางลงในเรื่องนี้ แต่ก็มีหนุ่มบ้านอื่นรบกวน ”

    พระหลับตานิ่งเสมือนนั่งทางใน  มองตาดูหน้าด้วยแววตาพลังงานสูง ส่งกระแสจิตให้จอม รับรู้นิ่งชั่วครู่ 

    “ ลูก หนูเป็นคนมีจิตดีจากสายเลือด กรรมดีของพ่อแม่ในสายบุญ คุ้มครองหนูอยู่ คลื่นพลังงานนั้นเอง ทำให้คนเห็นคนรัก เมตตา ”

    พระ ชี้ทางให้จิตที่กำลังต่อสู้อารมณ์ แปรปวน

    “ หนูอยากไปทำงานที่กรุงเทพฯ จะได้ไปหรือเปล่าหนอ ”

    ผึ้งถามแทนเพื่อน พระท่านทำหน้าที่ถ่ายทอดจิต วิทยาธรรม แรงอธิษฐานจากองค์ฌานทำนายว่า…

    “ พรสวรรค์มีมาแต่กำเนิด คิดดี ทำดี จะแสวงหาอะไรจะสมหวัง ”

    “ แต่มีอีกคนจะมุ่งสู่ทางอื่น ”

    พระทิ้งปริศนา เอาไว้ ให้พรขอตัวจำวัด หนุ่มสาวหันหลังกลับบ้าน ที่ทำไร่ของสามสาวอยู่ติดกับบริเวณนั่นเอง  ครู ซิว ขอเข้าไปศึกษาหาข้อมูลพืชไร่ ที่ทำกินรวบรวมสารนิพนธ์  บริเวณทำกินสามสาวขอบเขตติดต่อกัน

    “ มิน่าหละ สามสาวสนิทสนมกันมาก ”

    ครู ซิว หลุดคำรำพันที่เก็บซ่อนไว้มานานเขาสามคนมีอะไรเหมือนกันมาก  พืชไร่ เจริญเติบโต  ข้าวโพด ลูกเดือย เขียวขจี ฟักแฟง แตงไทย เต็มพื้นที่ ยอดฟักทองอวบใบสวย 

    “ ครู ขอบคุณครับที่กรุณาเด็กมัน เมื่อเขาเล่าให้ฟัง มีความหวังมาก  มองเห็นแสงสว่างทางชีวิต อยากให้ลูกมีที่พึ่ง มีงานทำ เป็นหลักแหล่ง พ่อแม่ส่งเรียนได้เท่าที่ทราบ กราบขอบพระคุณครูมาก ”

    สามสาวย่างเนื้อเก้งตากแห้ง นกที่โดนกับดัก หอมฟุ้งตามลมโชย ภูเขามีสายลมอ่อนตลอดวัน ความชื้นจากไอน้ำตกให้ความเย็นสม่ำเสมอ  อากาสสดชื่น เมื่อความสมบูรณ์ทำให้พืชไร่งามตา …." มองอะไร ? …ทำไม? ใจลอย"

    เงาะแซวด้วยเสียงเพลงกระแซะเพื่อน ในขณะที่จอมใจ เหม่อมองสายน้ำไหล …

    “ ชีวิตเราก็เหมือนสายน้ำนั่นเอง”

    “ ไปบวชชีเพื่อน” เงาะเอาบ้าง

    “ คอยดู ” จอมฝากคำทิ้งทวน

    “ ครูว่าเราทานข้าวกันดีกว่าครับ”

    " รับรองทุกคนมีงานทำแน่  หุ้นส่วนบริษัทให้ความหวัง 

    “ รักษาเนื้อ รักษาตัว อย่าตกหลุมรักหนุ่ม ๆ ก็แล้วกัน ”

    “ ทำไม? ครู ”

    “ นั่นแหละคือ กำแพงกั้น มีรักมีทุกข์ ไปไหนไม่ได้ ”ครูให้ความหมายนิยามชีวิต ครู ซิว เก็บเกี่ยวผ่านอ่าวอารมณ์  ความรู้สึกเต็มที่ หลังสามสาวขอตัวไปทำงาน นอนทอดอารมณ์ ไปตามสีเขียวของเทือกภูเขา เพชรบูรณ์  ภูเปลือย หลังเขาที่ขวางกั้นทางลง เสียงนกโพระดก เป็นจังหวะ เป็นโน๊ตดนตรี นกเขาคูหารักไม่ขาดสาย เคลิ้มหลับ

    “ เจ้าหนูรู้ตัวนะว่าเราบำเพ็ญบุญ"

    “ ไม่มีใครรังแก ตาดูอยู่ จิตบริสุทธิ์ให้เข้าใจว่า  บุญนำพา ให้มาหนุนส่งชาวไร่ ชดเชยชาติที่แล้ว ”

    “ มีหรือตา ”

    “ ไม่เชื่อก็อย่าลหลู่ ลูก ”

    “ ตามาจากไหน? ” ซิวถาม 

    “ ในถ้ำนี้เองลูก ”

    “ ตื่น ตื่น ครูคุยกับใครเป็นตุเป็นตะ ” ผึ้งปลุก 

     ซิวมองซ้าย ขวา  “ ฤษีท่านคุยอยู่ที่นี่ไปไหนหละ ”

    “ จริง จริง นะ "ย้ำคำ 

    สามสาวหัวเราะเฮ ชอบใจ 

    “ เจอแล้วซี ” ผึ้งค้อนเข้าให้ 

    " บอกแล้วไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่  ซิว งง เป็นไก่ตาแตก 

    “ มันเป็นจริง ไม่ได้นอนหลับยังเห็นพวกน้องทำงานกัน ”  ซิว แย้งไม่หยุด 

    “ นั่นการสำแดงเดชของท่านหละ ”

    เป็นครั้งแรกในชีวิต ที่เจอ ซิวครุ่นคิด 

    “ จะเจออีกหลายหนก่อนจะครบเทอมสองปี คอยดู " เงาะให้ความหวัง 

    “ ไม่ฝันนะเงาะ ท่านมาจริง ๆ ”

    “เออ… น่า ใจเย็นครูไม่มีใครเถียง”

    สองครั้งสองครา ยังให้ความงุนงงกับฤษี  ซิว จำติดตา รูปร่าง หน้าตา หนวดเคา สีของผ้า น้ำเสียง  ในขณะที่ครูนิ่ง 

    “ กลับบ้านกัน ” 

    จอมดึงความสนใจ ถึงบ้านครูพรานหลังอาหารเย็น  ซิวเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง 

    “ ครู ซิว จะยังเจออีกมาก อิทธิฤทธฺิ์ ไพรอยากรู้อยากเจอะไร จะได้เจอ สำหรับคนจิตสะอาดบริสุทธิ์ ”

    “ คงทราบซินะ ว่าครูมีคุณสมบัติสื่อกับเทพ ที่ดูแลเทือกเขานี้ ”

    “ อย่าเหลิงตามปัจจัยปรุงแต่ง ทำใจให้สงบแล้วจะพบสิ่งดีงามครู ”

    นาน ๆ ที่ครูพราน จะก้าวก่ายจิตคนอื่น นอกจากความรู้สึกดี  กาลเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อครู ซิว คุ้นเคย สัมผัสจิตใจชาวบ้าน สีเขียวของใบไม้ อากาสบริสุทธิ์  มีแต่ความจริงใจ  สัมผัสได้ด้วยตนเอง ชอบจิตใจที่งดงามอยู่ในศีล ในธรรม คำสอนพุทธะอย่างแนบแน่น วันพระคือวันหยุดทำงาน  แต่ราชการหยุดสัปดาห์ละสองวัน ….

    วันหยุดยาวสามสาวชวนครู ซิวชมอ่าวน้ำตกใต้  ห่างจากกหมู่บ้านไปประมาณ สองกิโลเมตร  ไม่มีคนต่างถิ่นเข้าถึง  ทางลงลาดชันเกือบเก้าสิบองศา  นอกจากพรานไพรที่หาล่าสัตว์ ได้สัมผัส  มีทางออกเฉพาะ ลัดเลาะตามธารน้ำตกนั่นเอง 

    “ แหล่งสุดท้ายในการศึกษาของครูจ้า ”

    “ ลำบากจะทนครับ จะได้เก็บทุกอย่างเอาไว้ในใจ ”

    “ ดู ปลาแหวกว่ายน้ำ  ในอ่าวน้ำตก มันเกาะกลุ่ม หลากสีสวยนัก "

    “ อยากเป็นปลาจะไม่ยอมให้ครูพรากไป ”

    “ ให้สัญญา ถ้าจะไปทำงานที่กรุงเทพฯ จะดูแลสามสาวให้ดีที่สุด ”

    “ ครูพบอะไร บ้างคะ ”

    “ ความสวยงามของน้ำตก ภูเขาสองลูกขนาบซ้าย ขวา ชีวิตไหลไปตามเวลา เหมือนน้ำตกไหลแต่ไม่ขาดสาย ”

    “ ครูคะ ฟังเพลงใต้ร่มมะลุลี  ซิคะ  ใจหนูอยู่ในอารมณ์นี้ ” จอมเปิดเพลงในเทปที่เตรียมมาดังเบา ๆ คลอไปกับเสียงน้ำตกไหลกระทบฝั่ง 

    “ จอมคงไม่มีโอกาส ได้พบใครที่มีทุกอย่างเช่นครู พึงพอใจทุกอย่าง นี่คือชายที่อยู่ในฝัน คงไม่มีวาสนาได้เจอ ”

    " ยอมรับอยู่ใกล้ใจมันฟู เข้าข้างตนเองตลอดมา ที่พบเจอ ถูกชตา"

    “ ครูก็เหมือนกัน ใจมันคิด เสียดายที่เราเกิดคนละที่ คนหนึ่งอยู่กลางกรุงฯ คนหนึ่งอยู่บนดอย ”

    “ นอนคิดทบทวนสมัครมาทำไม? จิตมันหาเหตุผล คงเป็นเพราะบุญที่เคยทำร่วมกัน”

    จอมแอบรักอยู่คนเดียว เกือบสองปี ในที่สุด วันนั้นก็มาถึงในไม่ช้า 

    “ ครูคะ เสียงใต้ร่มมะลุลี  ให้ถือเสียว่า น้ำตกสูงไหลลงกระทบอ่างน้ำใหญ่ที่รองรับ จิตนาการให้เสมือนว่าร่มไม้ต้นนั้น ใจขณะนี้ อยากจะร้องให้ แต่อดใจไว้ มันตื้นตัน ”

    จิตใจคนไม่ใช่ก้อนหิน สาวสวยคนหนึ่งเปิดใจคงเก็บมันไม่อยู่ ครูซิวเช่นกัน หวั่นไหวในจิตที่คิดบวก ในอุ่นไอรัก บริสุทธิ์ ซ่อนไว้มิบังอาจแสดงออกให้ครูสะเทือนใจ ในความเป็นไปได้ยาก เหมือนเข็ญครกขึ้นเขา 

    “ เสมือนละครเวทีกลางธารน้ำตก แอบรักเขาข้างเดียว”…จอมน้ำตาไหลออกมารับกับอารมณ์ ฝันมันก็มีสุขใจได้สำหรับสาวชาวไพร …

    “ ขอโทษครู  อยาก ให้รับรู้ว่าหนูฝันอยากพบชายเช่นครู  พอพบเข้าจึงเป็นทาสของจิต อย่าคิดมาก เหตุเกิดจากหนูเอง”

    “ น้องรัก ครูรับใจไว้ในความทรงจำ จะคอยช่วยเหลือหางานที่มั่นคงในชีวิต อยากเห็นหนูมีความสุขสัญญา ”  นิ้วก้อยเกี่ยวรัก ซับน้ำตาด้วยความผูกพัน 

    จอม เปิดเพลงฟังซ้ำ  เสียงเพลงรักไม่สมหวัง ดังก้องธารน้ำตก เงาะ ผึ้ง นำผักสด จากสองฝั่งรำธาร  เต็มแรงรับได้ เตรียมเลี้ยงส่งครู ซิว ในวันพรุ่ง …

    “ ตาแดงทั้งสองคน มีอะไร? ”

    “ ไม่อยู่ด้วยต่อยกันหรือไง ? ” เงาะะจับอาการได้

    กลับกันเถอะ ปีนเขาอีกคั้ง  จนถึงพื้นที่ราบ 

    “ ครูรังแก จอมหรือ ”

    “ ไม่หรอกเราเองแหละหลงรักเขา ” คำถามคำตอบที่ผึ้งรับทราบ

    “ ความรักมันไม่ได้ซื้อหา เราไม่ว่าเป็นเสรีภาพ ที่จิตเราพิจารณาเอง ถูกใจก็รัก ไม่ถูกใจก็วางเฉย ไม่เห็นเป็นไรเลย ”

    “ จริงมั้ยครู ”

    “ ครับสารภาพมีความรู้สึกซ่อนไว้ ฝ้ายผูกข้อมือเตือนใจเสมอ เราคือพี่น้องกัน”

    “ ไม่อยากห่างกายแต่ประเพณีขวางกั้น ”

    สามสาวส่งครูกลับที่พัก  ความสวยงามทั้ง เรือนกาย น้ำใจ น้ำคำ ติดหูติดตาตลอดเวลา ชีวิตคนเดียวเรียนรู้อยู่ท่ามกลางเทือกเขา พบแต่สิ่งดีงามของธรรมชาติ  ไม่อยากจะจากเสียแล้ว  ความหวังของครอบครัวที่หวังผลสำเร็จมีค่าสูงยิ่ง น้ำตาไหลอาบแก้มทั้งคืน หลับไม่ลงหนังตาตรึง เรื่องราวทั้งหมด ฝังอยู่ใต้จิตสำนึก หมดแรงใจ ดูเวลาตีสี่แล้ว คิดถึงบ้านที่กรุงเทพฯ สับสนจนหลับไป …

    " ครู…ครู ..เงาะกระตุกขา ให้ตื่นนอน 

    “ ขี้เเซาจัง ” 

    “ ตาแดงเสียความหล่อหมดเลย เป็นอะไร? ”

    “ สับสนน้อง  ดูจิต ตามจิตไม่ทัน หลงระเริงไปตามอารมณ์ปรุงแต่งทั้งคืน ติดตาติดใจ ไปหมด ”

    นี่แหละหนอ .. ตักเตือนผู้อื่นตั้งพันหน ง่ายกว่าตักเตือนตนหนึ่งครั้ง 555" 

    เงาะสวนหมัดตรงเข้าปลายคางครูมองเห็นดาวกลางวัน สามสาวเตรียมอาหาร  ชาวบ้านเข้าสมทบ ทุกอย่างพร้อมบ่ายโมง ผ้าขาวม้าเต็มเอวครู 

    ชาวบ้านนำพร ทีสดใสมอบให้ ชายหนุ่มยิ่งน้ำตาไหล  ทำใจไม่ได้ ไม่อยากจะจากผืนดินอุดมสมบูรณ์  น้ำใจงาม ธรรมชาติอิ่มเอมมาสองปี ซึมซับจับจิต  ชนิดตราตรึง ฝังจำ เยาวชนหนุ่มสาวคนเฒ่าคนแก่  เห็นน้ำตาครู สุดอัดอั้น เป็นนาทีแห่งน้ำตารัก รวมหมู่หาดูได้ยาก สมัยนี้ 

    “ พี่น้องที่รัก … วันนี้เรามาแสดงความยินดีเลี้ยงส่งครูด้วยใจรัก สองปีที่ท่านให้กำลังใจ เป็นเพื่อน สอนเด็กนักเรียน น้ำใจงาม หายากยิ่งนัก แม้แต่คนบ้านเรายังไม่มีใครขึ้นมาหาชาวภูเขา ท่านเรียนรู้ภาษาอีสานที่นี่ ให้ความรัก สอนเด็กลูกหลานเราด้วยความอดทน บัดนี้ครูทิ้งไว้แต่ความดีงาม ให้พวกเราจดจำ ขอภาวนาให้ครูโชคดีตลอดไป …”

    ครูพรานร่ายยาวผูกใจชาวบ้าน ฝากให้ครู ซิว เป็นทางการ งานเลี้ยงเลิกรา …ไป ท่ามกลางกลิ่นไอแห่งความรัก … ชาวบ้านเดินทางกลับ ทิ้งสามสาวไว้ช่วยงานบ้าน เก็บสิ่งของเข้าที่ตั้ง … “ พ่อครู วันนี้โต้รุ่งนะคะ ” เงาะขอสนับสนุนจากครูพราน 

    “ มีอะไร ก็เปิดใจกันลูก ความห่างเหินกำลังทำงาน ” น้ำคำครูพรานมีแต่ให้  ลานก้อนหินกว้างข้างบ้านครูพราน เป็นพื้นเวทีภาคเช้า …. อารมณ์ก่อนหน้านั้น ยังตราตรึง คืนวันพระใหญ่จันทร์เต็มดวง ปรกคลุมพื้นที่ สีเขียวของใบไม้ ท้องฟ้าประดับดาว เสมือนหลอดไฟบนหลังคาสายลมโชยนำความเย็นสู่ลานหิน ไออุ่นจากกองไฟให้พลังงาน ครอบครัวครูพรานบ้านใกล้ชิดรวมตัว อาหารจานโปรด  เนื้อย่าง สัมตำ แหนมหมูป่า นำเสริบด้วยมือสามสาว เสียงพิณจากครู สีไพร ขวัญใจชาวบ้าน บรรเลงเพลงขับกล่อมไม่แพ้สตรูริโอ  แอร์ธรรมชาติผ่านไออุ่นกองไฟ ….

    “ ถามจริง พวกหนูรัก ครู ซิว ระดับไหน? ”

    ครูพรานขอความรู้สึก 

    “ รวมทุกอย่าพ่อครู มันหลงระเริงตามจินตนาการ ” จอมนำทางสองสาว

    “ ใช่เลย ที่่ ทีเล่นทีจริง ท่าทาง ก๋ากั่นนั่นคือ ฉากนอก ในส่วนลึก พูดไม่ออก บอกไม่ถูกทั้งรัก ทั้งชังระคนไป ”

    “ ชังก็เพราะตนเองเป็นเด็กบ้านป่า อาภัพการศึกษา ต่ำ ”

    “ รักหรือ เพราะจิตมันร้องขอทุกวัน อยากเจอ อยากพบ อยาก …หลายอย่าง สับสนมันเกิดอะไรพ่อ ..”

    ผึ้งเงาะสลับกันตอบคำถาม 

    “ สมัยพ่อรักแม่ หละขอเป็นวิทยาทานบ้าง ”

    จอมเอ่ยคำขอ ครูพรานนิ่งอึ้ง ไม่คิดว่าจะแหลมคมจากคารมย์สาวดอย 

    “ พ่อหรือ  รักใครชนเลย ไม่อยากเสียเวลา อย่าเอาเป็นตัวอย่างไม่ดี ”

    “ รักนวล เสนอตัว …อ๋อ สงวนตัว นั่นแหละคือผู้ดี ”

    "สมัยหนุ่มถูกด่า แสบ ๆ ก็มาก เพราะความดื้อรั้น "

    “ มิฉนั้นไม่มีแม่บ้านสองคน ”555 เสียงฮาพร้อมๆกันไม่ได้นัดหมาย หมัดเด็ดครูพรานใช่ย่อยเสียเมื่อไร  เรียกเสียงฮา ท่ามกลางจันทร์ฉาย ให้เด็กได้พักอารมณ์ 

    “ ครู ซิว หละคะ ที่มหาลัยเป็นไงบ้าง”

    “ น้องขอไม่ตอบคำถามคงไม่ว่านะ ขอพักใจ รัก และคิดถึง ให้ผ่อนเบาลง บ้างมันตื้นตัน น้ำตายังตกใน ขอนะครับ” ครู ซิว ตกอยู่ในอ่าวอารมณ์ภาคเช้า …

    “ ความรัก มันมีอานุภาพสูงยิ่ง แผ่ปรกคลุมทั้งโลก  ทุกอณู ห่อหุ้มเปลือกโลกเอาไว้ ”

    “ มันคือ เมตตาธรรม เป็นดวงตาด้านหนึ่งของพรหมสี่หน้า ..”

    “ เป็นพลังงานบวก อยู่ในความว่างที่เรามองไม่เจอ ถ้าจิตเราดี จะสัมผัสได้ เหมือน เครื่องรับ วิทยุ ที วี นั่นเอง ”  ครูพรานร่ายเวทมนต์ แล้วขอตัวพักนอน

    “ ครูคะ…. ที่มหาลัย หนุ่มสาวเค้าจับมือ ถือแขนกันไม่เห็นเป็นไร ? ” 

    “ วัฒนธรรมตะวันตกเขารับมาเร็ว ความเจริญด้านต่าง ๆรวดเร็วมาก ตามไม่ทัน ไม่เหมือนบ้านเราเป็นธรรมชาติ ”

    “ หลั่งน้ำตาเพราะ ความจริงใจนี่แหละ มันงดงามไม่ทราบว่าจะหาที่ไหนได้อีก เมื่อค้นพบ… พบที่นี่จึงคิดมาก  ถูกจริตครู หวังว่าน้องคงเก็บใจรักเอาไว้ " 

    “ บริษัทเขียนจดหมายมา แล้วบอกนำน้องเข้าทำงาน บอกลา คุณพ่อคุณแม่ เตรียมใจเตรียมตัว กลับไปพร้อมครู ทำงานกันเลยตกลงไหม? ”

    “ เฮ … เฮ  ขอบพระคุณจ้า ทุกอย่างรอคำตอบพร้อมแล้ว ”

    “ รอคำ… คำ นี้ น้ำตาจะได้เหือดแห้งสักที ”

    ในที่สุดพลังงานอานุภาพ แห่งความรัก ก่อเกิดจากแรงอธิษฐาน ฤษี ทำนายเอาไว้ สามสาวเข้ากรุงเทพฯ โดยความอนุเคราะห์ จากครู ซิว บัณฑิตอาสา ผลผลิตจากมหาลัยที่มี คำขวัญว่า 

    “ เสรีภาพทุกตารางนิ้ว ”

    รอพบตอนต่อไป  ขอบคุณ…..ครับ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น